๏เจ้าของตาลรักหวานขึ้นปีนต้น | ระวังตนตีนมือระมัดมั่น |
เหมือนคบคนคำหวานรำคาญครัน | ถ้าพลั้งพลันเจ็บอกเหมือนตกตาล |
เห็นเทพีมีหนามลงราน้ำ | เปรียบเหมือนคำคนพูดไม่อ่อนหวาน |
เห็นกิ่งกีดมีดพร้าเข้าราราน | ถึงหนามกรานก็ไม่เหน็บเหมือนเจ็บทรวง |
๏อนิจจาธานินทร์สิ้นกษัตริย์ | เหงาสงัดเงียบไปดังไพรสณฑ์ |
แม้กรุงยังพรั่งพร้อมประชาชน | จะสับสนแซ่เสียงทั้งเวียงวัง |
มะโหรีปี่กลองจะก้องกึก | จะโครมครึกเซ็งแซ่ด้วยแตรสังข์ |
ดูพาราน่าคิดอนิจจัง | ยังได้ฟังแต่เสียงสกุณา |

๏ กำแพงรอบขอบคูก็ดูลึก | ไม่น่าศึกอ้ายพม่าจะมาได้ |
ยังให้มันข้ามเข้าเอาเวียงชัย | โอ้อย่างไรเหมือนบุรีไม่มีชาย |
๏เข้าลำคลองหัวรอตอระดะ | ดูเกะกะรอร้างทางพม่า |
เห็นรอหักเหมือนหนึ่งรักพี่รอรา | แต่รอท่ารั้งทุกข์มาตามทาง |
๏พื้นผนังหลังบัวที่ฐานบัทม์ | เป็นครุฑอัดยืนเหยียบภุชงค์ขยำ |
หยิกขยุ้มกุมวาสุกรีกำ | กินนรร่ำรายเทพประนมกร |
ใบระกาหน้าบันบนชั้นมุข | สุวรรณสุกเลื่อมแก้วประภัสสร |
ดูยอดเยี่ยมเทียมยอดยุคนธร | กระจังซ้อนแซมใบระกาบัง |
นาคสะดุ้งรุงรังกระดึงห้อย | ใบโพธิ์ร้อยระเรงอยู่เหง่งหงั่ง |
เสียงประสานกังสดาลกระดึงดัง | วิเวกวังเวงในหัวใจครัน |
๏ถึงเขาขาดพี่ถามถึงนามเขา | ผู้ใหญ่เล่ามาให้ฟังที่กังขา |
ว่าเดิมรถทศกัณฐ์เจ้าลงกา | ลักสีดาโฉมฉายมาท้ายรถ |
หนีพระรามกลัวจะตามมารุกรบ | กงกระทบเขากระจายทลายหมด |
ศิลาแตกแหลกลงด้วยกงรถ | จึงปรากฎตั้งนามมาตามกัน... |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น